top of page

วรรณยุกต์และการออกเสียง

วรรณยุกต์จีน3.jpg

การเขียนเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์

การวางเครื่องหมายวรรณยุกต์ให้วางไว้บนสระหลัก ซึ่งมี

a      o      e       i       u       ü

  1. ตําแหน่งการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ จะใส่ไว้ตามลําดับสระที่เรียงไว้ข้างบน

  2. ถ้าไม่มี a ให้มองหา o และ e ตามลำดับ เช่น běi (วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน i)

  3. ถ้ามี iu หรือ ui ให้วางวรรณยุกต์ไว้ที่ตัวหลังสุด diū

  4. ในการเติมเสียงวรรณยุกต์ลงบนตัว i นั้น ให้ตัดจุดบนตัว i ออกด้วย เช่น bī

  5. สระ ü ให้ตัดจุดบนตัว ü เช่นกัน yū

การออกเสียงวรรณยุกต์

เสียงวรรณยุกต์จำเป็นมากไหมที่ต้องเรียน?

         ตอบได้เลยว่าจำเป็นอย่างยิ่ง  ถ้าคุณไม่จำแล้วคุณจะออกเสียงถูกต้องได้อย่างไร  เพียงแค่เสียงวรรณยุกต์ต่างกัน ความหมายก็จะต่างไปด้วย ตย. คำว่า มา Mā แปลว่า แม่ แต่ คำว่า ม่า Mà แปลว่า ต่อว่า

เสียงวรรณยุกต์คืออะไร?

         เสียงวรรณยุกต์คือ ระดับเสียงสูง ต่ำ ในภาษา ซึ่งสามารถทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไป (เช่น ภาษาไทยก็มีคำว่า สวย กับ ซวย) แต่มีบางภาษาที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส  เป็นต้น

เสียงวรรณยุกต์มีความสำคัญเช่นไร?

         สำคัญมากสิ! แม้แต่ภาษาไทยคุณยังต้องจำ เพียงแค่คุณพูดผิดเสียงวรรณยุกต์ ความหมายอาจจะเปลี่ยนไปได้เลย เช่น [母 MŬ มู่ แปลว่าแม่] ส่วน [木 MÙ มู้ แปลว่าไม้] แม้ว่าบางเสียงอาจจะฟังแล้วแปลกๆ ไม่เหมือนภาษาไทย แต่ก็ต้องลองพูด แล้วคุณจะรู้ว่าการพูดภาษาจีนนั้นไม่ยากอย่างที่คิด

เสียงวรรณยุกต์จีนมีทั้งหมดกี่เสียง?

          ในภาษาจีนมีเสียงวรรณยุกต์ 4 รูป 4 เสียง และมีเสียงเบาอีก 1 เสียง ทุกพยางค์ในแต่ละคำจะเขียนสัญลักษณ์ ( ¯ ˊ ˇ ˋ ) ไว้บนเสียงหลักของสระ เช่น  mā, má, mǎ, mà,  ma

bottom of page